การเป็นหัวหน้าถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางการทำงานของทุกคน ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น ทั้งในเรื่องของงานและการบริหารทีมในบริษัทชั้นนำใหญ่ๆ หรือ Digital Agency ยิ่งทีมไหนที่มีลูกน้องเยอะๆ แล้วด้วย แน่นอนว่าปัญหาในการบริหารลูกทีมต้องมีตามมาอย่างมากมายแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องที่ไม่เชื่อฟัง หรือลูกน้องที่ไม่เคารพหัวหน้า แต่ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำทริคเด็ดในการเป็น Leadership ที่ดี มาฝากกัน
ทำไมลูกน้องถึงไม่ยอมรับ
ก่อนอื่นมาพิจารณาถึงต้นตอของปัญหากันก่อน ว่าทำไมลูกน้องถึงไม่ยอมรับคุณในฐานะหัวหน้า โดยเริ่มแรกคือคุณต้องลองพิจารณาตัวเองดูก่อน ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จากขึ้นจากปัจจัยอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากเรื่องของการสื่อสารภายในทีมที่ผิดพลาด ไม่มีการคุยกันให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ลูกน้องรู้สึกไม่ชอบหัวหน้าที่มีลักษณะแบบต่างๆ ดังนี้
– ไม่รับฟังความคิดเห็น เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
– ไม่มีความน่าเชื่อถือ
– ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
– เน้นโทษคนอื่น แต่ไม่โทษตัวเอง
– ขาดทักษะในการสื่อสารที่ดี
– ไม่รู้จักคำว่าขอโทษหรือขอบคุณ
– รู้จักลูกทีมไม่ดีพอ ใช้คนทำงานไม่ตรงจุด
นี่ถือเป็นเหตุผลเบื้องต้นที่ลูกน้องส่วนใหญ่มักไม่ชอบหัวหน้าที่มีลักษณะแบบไหน หากคุณได้ลองถามตัวเองแล้ว ปรากฎว่าคุณเข้าข่ายในสิ่งที่เรายกตัวอย่าง อาจถึงเวลาที่ต้องปรับตัวด่วน
ทริคเด็ดพิชิตใจลูกน้อง
การเป็นทีมเวิร์คที่ดีถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้งานออกมาประสิทธิภาพ และช่วยให้องค์กรเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง เพราะหากคุณเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องไม่ยอมรับ ลูกน้องก็ย่อมเกิดคำถามในใจขึ้นมากมาย รวมไปถึงเรื่องราวอื่นๆ ที่ชวนให้พวกเขาหงุดหงิดใจ ส่งผลให้งานที่ทำออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นมาดูเทคนิคดีๆ ในการพิชิตใจลูกน้องกันดีกว่า ว่าหัวหน้าควรทำอย่างไรบ้าง
เป็นตัวอย่างที่ดี
ก่อนอื่นเลยก็คือการแสดงตัวเองให้แบบอย่างที่ดีแก่ลูกน้องในทุกๆ เรื่อง เพราะถ้าหากเขาเห็นว่าคุณทำในเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ เขาก็จะขาดความเชื่อถือลงไป แม้หน้าที่หลักของหัวหน้าจะเน้นการบริหารและดูแลทีม แต่บางครั้งการลงมาทำงานร่วมกันกับลูกน้อง ก็สามารถช่วยซื้อใจพวกเขาได้เหมือนกัน เพราะเขาก็เห็นว่าคุณไม่ได้แค่ทำการหน้าที่สั่งการอย่างเดียว แต่มาช่วยกันร่วมหัวจมท้าย และลงมือลงแรงไปด้วยกัน
นอกจาการเป็นตัวอย่างในเรื่องการทำงานแล้ว เรื่องของระเบียบวินัยต่างๆ ก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกน้องเช่นกัน เพราะสมมติว่าคุณเตือนพวกเขาเรื่องการมาทำงานสาย แต่สุดท้ายคุณมาสายเสียเอง ลูกน้องก็อาจจะคิดได้ว่า ขนาดหัวหน้ายังมาสายเลย เป็นต้น
เป็นที่ปรึกษาที่ดี
หัวหน้าบางคนทำตัวเข้าถึงยาก จึงทำให้เวลาเกิดปัญหาหรือเวลาที่ลูกน้องอยากได้ไอเดียต่างๆ ก็จะเกิดช่องว่างขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าหาคุณเพื่อขอคำปรึกษา ดังนั้นหัวหน้าที่ดีควรต้องสแตนด์บายและพร้อมให้คำปรึกษาแก่ลูกน้องอยู่เสมอ เพราะนอกจากจะช่วยลดช่องว่างระหว่างคุณกับลูกน้องแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยให้คุณได้สกรีนงานต่างๆ ก่อนด้วย เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
มีวิสัยทัศน์และการวางแผนที่ดี
ทุกคนที่สวมบทบาทเป็นลูกทีม ต่างก็อยากรู้ว่าทีมของตัวเองจะไปเดินไปในทิศทางไหน พวกเขาจะสามารถพัฒนาตัวเอง รวมไปถึงการช่วยงานให้แก่บริษัทได้อย่างไรบ้าง ดังนั้นการเป็นหัวหน้าที่ดีจึงเป็นคนที่ต้องวิสัยทัศน์และเน้นการวางแผนที่รัดกุม สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกน้องได้ว่าคุณสามารถพาพวกเขาเดินทางไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้ หากคุณขาดการวางแผนที่ดี ก็จะทำให้คุณรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือพาทีมไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ และนั่นก็จะทำให้ลูกน้องขาดความเชื่อมั่นในตัวคุณ
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความชัดเจนในเรื่องของการแบ่งงานภายในทีม คุณควรกำหนดให้แน่ชัดไปเลยว่าใครทำหน้าที่อะไร มีความรับผิดชอบอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดปัญหาน้อยที่สุด เพราะบางครั้งการที่คุณใช้งานคนแบบจับฉ่ายหรือให้ทำงานในแบบที่ไม่ตรงกับความสามารถของเขา ลูกน้องก็จะรู้สึกถึงการบริหารงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของคุณได้
ไม่หวั่นกับทุกปัญหา
ในทุกๆ การทำงาน ไม่มีใครไม่เคยเจอกับปัญหา คุณสมบัติของการเป็นหัวหน้าที่ดีคือต้องเป็นด่านหน้าในการต่อกรกับทุกอุปสรรคที่เกิดขึ้น สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือการปล่อยให้ลูกน้องเป็นคนแก้ปัญหาด้วยตัวเองหรือปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับปัญหาเพียงลำพัง โดยขาดการแนะนำจากคุณ นอกจากนี้ในทุกๆ การแก้ปัญหา คุณต้องวิเคราะห์มันอย่างถี่ถ้วน แก้ไขมันให้ได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกน้อง
พร้อมกันนั้นยังควรมีแผนสำรองในการรับมือกับอุปสรรคที่ยังไม่เกิดขึ้นอีกด้วย ก่อนจะถ่ายทอดแผนเหล่านั้นให้แก่ลูกน้องได้เห็น เพื่อการปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นอีก ทุกคนในทีมก็จะได้ตั้งรับกับมันได้อย่างดีขึ้น และพวกเขาก็จะรู้สึกว่าแม้ปัญหาจะถาโถมเข้ามาอย่างหนักแค่ไหน ทีมของพวกเขาก็จะสามารถต่อกรกับมันได้ เพราะมีหัวหน้าที่ดี
ใช้เหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในทุกวันนี้ สาเหตุอันดับต้นๆ ของคนที่ลาออกจากงาน มักมาจากเรื่องของคน ไม่ใช่เรื่องของตัวงาน และปัญหาของคนในที่ทำงานส่วนใหญ่ก็มาจากหัวหน้าแทบทั้งนั้น บางครั้งถึงขั้นลาออกจากงานเพราะทนไม่ได้กับหัวหน้าที่ชอบใช้อารมณ์ ขี้เหวี่ยง ขี้วีน ชอบโวยวาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือว่าสร้างผลกระทบให้แก่บริษัทด้วยเช่นกัน ที่ต้องคอยพนักงานใหม่ๆ อยู่เสมอ
ดังนั้นการเป็นหัวหน้าที่ดีคือต้องใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เพราะหากคุณทำตัวเป็นหัวหน้าที่ Toxic ไม่พอใจอะไรก็วีน พวกเขาก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน และไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมาได้ หรือถ้าหากลูกน้องทำผิดจริงๆ ก็ควรเตือนเขาด้วยเหตุผล ว่าที่คุณต้องเตือนเป็นเพราะอะไร และจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ร่วมกันอย่างไร
ไว้ใจลูกน้อง
นอกจากไม่ควรเป็นหัวหน้าขี้วีนแล้ว คุณยังไม่ควรเป็นคนที่จู้จี้จุกจิกหรือคอยจับผิดลูกน้องตลอดเวลาอีกด้วย เพราะคงไม่มีลูกน้องคนไหนที่จะชอบตกเป็นเป้าสายตาของหัวหน้าอยู่ตลอด เพราะเมื่อคุณได้ตัดสินใจรับเขาเข้ามาร่วมทีมตั้งแต่แรก นั่นแปลว่าคุณไว้ใจเขาไปในระดับหนึ่งแล้ว ว่าลูกน้องของคุณเป็นคนที่มีความสามารถ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ก็ควรนำเอาจุดนั้นมาปรับใช้และไว้ใจพวกเขาในการทำงานเช่นเดียวกัน หรือบางครั้งที่มีโปรเจคต์สำคัญเกิดขึ้น การไว้วางใจพวกเขาให้ได้ทำหน้าที่สำคัญ ก็จะช่วยทำให้เขารู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และรู้สึกชื่นชมหัวหน้าอย่างคุณ ที่มองเห็นถึงศักยภาพในตัวพวกเขา โดยที่คุณแค่คอยมองดูอยู่ห่างๆ
ตัดสินทุกอย่างแบบเป็นธรรม
หากเกิดปัญหาหรือความขัดแย้งขึ้นภายในทีม คนเป็นหัวหน้าต้องมีความยุติธรรมและตัดสินใจทุกอย่างแบบเป็นธรรมที่สุด ไม่ควรที่จะมีลูกรักลูกชังภายในทีมเด็ดขาด เพราะนั่นถือเป็นการสุมไฟให้เกิดการแบ่งแยกภายในทีม และทำให้ทุกคนขาดความสามัคคีได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องการลงโทษและการชมเชย ก็ควรมีการปฏิบัตแก่ลูกน้องทุกคนให้เท่าเทียมกันทุกคน
สร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร
หัวหน้าควรเป็นคนริเริ่มในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลายและเป็นมิตร ให้ทุกคนในทีมรู้สึกว่าเหมือนได้ทำงานกันแบบพี่น้องจริงๆ ไม่ใช่พี่น้องแบบในละคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะให้ช่วยทีมเวิร์คดีขึ้น และทุกคนมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในระหว่างวันของการทำงาน อาจหาเวลาให้ลูกทีมได้รีแลกซ์ ได้พูดคุยเล่นกัน มีการคุยเรื่องอื่นๆ ที่สนุกสนานนอกเหนือจากเรื่องงาน เพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นกันเอง และได้คลายเครียดไปในตัว เพราะเชื่อว่าแม้งานจะหนักแค่ไหน แต่ถ้าบรรยากาศในทีมโอเค ทุกคนก็พร้อมจะสู้งานหนักไปด้วยกันแน่นอน
อีกทั้งช่วงเวลาพักกลางวันหรือหลังเลิกงาน คุณอาจลองชวนลูกน้องไปทานข้าวหรือสังสรรค์ร่วมกันบ้าง เพื่อช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคนในทีมให้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยทำให้ทุกคนสนิทกันมากขึ้น และลูกน้องก็อาจได้สัมผัสถึงอีกมุมของหัวหน้าได้อีกด้วย
ใส่ใจและห่วงใยลูกน้องอยู่เสมอ
หัวหน้าที่ดีควรสังเกตถึงพฤติกรรมลูกน้องด้วย ว่าเขามีความเครียดเกิดขึ้นระหว่างทำงานหรือไม่ หากว่าใช่ก็ควรหาโอกาสคุยกับเขา เพื่อเสนอหนทางการแก้ปัญหา หรือถ้าหากลูกน้องยังไม่มีปัญหาอะไร ก็อาจลองจัด Session การคุยกันแบบเดือนละครั้งก็ได้ เพื่อแสดงถึงความใส่ใจและความห่วงใยที่คุณมีต่อลูกน้อง แถมยังทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่นในตัวคุณและไว้ใจคุณในฐานะหัวหน้ามากยิ่งขึ้น
สรุปเรื่องราวการเป็น Leadership ที่ดี
การทำให้ลูกน้องยอมรับถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก รวมไปถึงการเป็นหัวหน้าที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นเดียวกัน แต่ต้องอาศัยการปรับตัว ผสานกับความเข้าใจและใส่ใจลูกน้องอย่างเต็มที่ หากค้นพบว่าตัวเองมีข้อบกพร่องตรงไหนก็พร้อมจะปรับ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกน้อง หากคุณสมบัติเหล่านี้ เราเชื่อว่าไม่ว่าใครที่ได้เป็นลูกน้องคุณ ก็จะยอมรับคุณอย่างแน่นอน และพร้อมที่เผชิญหน้ากับงานอันหนักหน่วงไปด้วยกัน